การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (AF)

ฝากข่าว โดย :

การประชุม ISTH เตรียมนำเสนอข้อมูลผลการศึกษาระยะเวลาหนึ่งปี ว่าด้วยการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (AF)

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

— การกล่าวนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิจัย GARFIELD-AF Registry ที่จะจัดขึ้นสองรอบนั้น จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงจากการประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วย และความไร้ประสิทธิภาพในการควบคุมการแข็งตัวของเลือดต่อการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ —

ข้อมูลวิเคราะห์ใหม่จากการศึกษาวิจัย Global Anticoagulant Registry in the Field – Atrial Fibrillation (GARFIELD-AF) จะได้รับการนำเสนอในการประชุม XXV Congress of the International Society on Thrombosis and Haemostasis (ISTH) ในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา วันที่ 20-25 มิถุนายน 2558 โดยการนำเสนอข้อมูล GARFIELD สองรอบนั้น จะประกอบไปด้วยข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) จากผู้ป่วยเกือบ 17,200 ราย ซึ่งถือเป็นการมอบความรู้เพิ่มเติมให้แก่แพทย์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวเนื่องของการประเมินความเสี่ยง (Risk Profile) ในตัวผู้ป่วย และศักยภาพของการควบคุมสารต้านวิตามินเค ที่มีต่ออัตราการเสียชีวิตและการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial Fibrillation (AF)

การกล่าวนำเสนอข้อมูลของ GARFIELD-AF ในการประชุม ISTH 2015 จะครอบคลุมถึง:

การประเมินความเสี่ยงและผลการศึกษาระยะเวลาหนึ่งปี ของผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ: ผลลัพธ์จาก GARFIELD-AF (Abstract OR119)

– Oral Session: Oral Communications 2: Stroke
– วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2558 เวลา 14:45-15:00 น. ห้อง 709

อัตราการเกิดภาวะสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดสมอง/กระเสเลือด การเสียชีวิต และอาการเลือดออกรุนแรง หนึ่งปีภายหลังจากที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะ AF ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของลิ้นหัวใจ (non-valvular) ถูกนำไปวิเคราะห์ตามคุณลักษณะแนวฐานของผู้ป่วย และการป้องกันการเกิดลิ่มเลือด

ศักยภาพของการควบคุมสารต้านวิตามินเคและผลการศึกษาระยะเวลาหนึ่งปี: ภาพรวมทั่วโลกจาก GARFIELD-AF Registry (Abstract OR096)

– Oral Session: Oral Communications 2: Vitamin K antagonists
– วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2558 เวลา 14:00-14:15 น. ห้อง 715

การศึกษานี้ได้ดำเนินการวิเคราะห์ระยะเวลาที่อยู่ในช่วงการรักษา (TTR)และค่า International Normalized Ratio (INR) ที่เหมาะสม เช่น (ค่า INR ที่ 2.0-3.0) ในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะ AF แบบ non-valvular ในแง่ของประชากรศาสตร์ สภาพแวดล้อมในการดูแลรักษา และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาหนึ่งปี

GARFIELD-AF Registry จะยกระดับความรู้ความเข้าใจทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสำหรับผู้ป่วยภาวะ AF ซึ่งจะช่วยพัฒนากลยุทธ์สำหรับการเพิ่มพูนผลการรักษาผู้ป่วยทั่วโลก

ข้อมูลพื้นฐานจาก GARFIELD-AF (ขณะนี้มีรายชื่อผู้ป่วย 31,666 ราย) บ่งชี้ว่า ปัจจุบัน แนวทางบริหารจัดการผู้ป่วยหลายรายที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยนั้น ไม่มีความสอดคล้องกับวิธีปฏิบัติที่มีหลักฐานอ้างอิง ซึ่งผู้ป่วยได้รับสารกันเลือดเป็นลิ่มหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่เพียงพอ แม้ว่ามียากลุ่ม Non-vitamin K antagonist oral anticoagulant (NOAC) เพิ่มมากขึ้นก็ตาม โดยผลกระทบจากการบริหารจัดการอย่างไม่เหมาะสมที่มีต่อผลการรักษา ซึ่งปรากฏให้เห็นในการนำเสนอของ GARFIELD-AF ในการประชุม ISTH นั้น เป็นสาเหตุของกระแสวิตกที่เกิดขึ้นนี้

GARFIELD-AF เป็นโครงการวิจัยเชิงวิชาการอิสระที่ริเริ่มโดยคณะกรรมการกำกับดูแลระหว่างประเทศชุดหนึ่งซึ่งอยู่ในการอุปถัมภ์ของ Thrombosis Research Institute (TRI) ในลอนดอน สหราชอาณาจักร ปัจจุบัน GARFIELD-AF รับผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด AF จำนวนกว่า 40,000 รายใน 35 ประเทศ ส่งผลให้โครงการนี้เป็นหนึ่งในการศึกษาเชิงสังเกตที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการรักษาโรคนี้ และด้วยเหตุที่การรับสมัครผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการ Cohort 5 กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในที่สุดการศึกษานี้จะมีจำนวนผู้ป่วยรวมถึง 57,000 คน

เกี่ยวกับ GARFIELD-AF Registry

GARFIELD-AF เป็นการศึกษาป่วยที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด AF ในรูปแบบการวิจัยร่วมระหว่างสถาบันระดับนานาชาติและเป็นการวิเคราะห์เชิงสังเกตแบบไปข้างหน้า (prospective) ด้วยการติดตามผู้ป่วยจำนวน 57,000 รายจากสถาบันอย่างน้อย 1,000 แห่งใน 35 ประเทศในทวีปอเมริกา ยุโรปตะวันออกและตะวันตก เอเชีย แอฟริกา และออสเตรเลีย

ความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับภาวะ AF นั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่รวบรวมได้จากการทดลองทางคลินิกที่มีกลุ่มควบคุม ทั้งนี้ แม้การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแนวทางการรักษาใหม่ๆจะมีความจำเป็น แต่การทดลองเหล่านี้ไม่ถือเป็นแนวทางปฏิบัติการวิจัยประจำวัน และดังนั้น จึงยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจัดการโรคและภาระของโรคในชีวิตจริง GARFIELD-AF จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดต่อการเกิดเลือดออกและลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดที่พบในผู้ป่วยกลุ่มนี้ รวมทั้งช่วยให้ตัวแทนและกลุ่มผู้ป่วยที่มีความหลากหลายและประชากรที่แตกต่างกันสามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นถึงโอกาสที่เป็นไปได้ในการพัฒนาการรักษาและผลลัพธ์ทางคลินิก การศึกษาวิจัยนี้จะช่วยให้แพทย์และระบบบริการสุขภาพนำเอานวัตกรรมมาใช้อย่างเหมาะสมเพื่อรับประกันผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยและประชากร

โครงการ GARFIELD-AF เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม 2552 โดยประกอบด้วยสี่โครงสร้างหลักที่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคำอธิบายภาวะ AF จากตัวแทนที่เข้าร่วมโครงการนั้นจะมีความครอบคลุม สำหรับโครงสร้างหลักดังกล่าวประกอบไปด้วย

– การวิจัยต่อเนื่อง 5 รุ่น, ผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่งวินิจฉัยพบ, การอำนวยความสะดวกในการเปรียบเทียบตามช่วงระยะเวลาที่ชัดเจน และการอธิบายวิวัฒนาการของการรักษาและผลลัพธ์
– สถานที่ของผู้ตรวจสอบที่ได้รับเลือกแบบสุ่ม ภายในสภาพแวดล้อมการรักษาภาวะ AF ในประเทศที่กำหนดอย่างระมัดระวัง เพื่อรับประกันว่าผู้ป่วยที่ลงทะเบียนจะได้เป็นตัวแทน
– การลงทะเบียนผู้ป่วยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างต่อเนื่องโดยไม่คำนึงถึงการรักษา เพื่อขจัดอคติในการคัดเลือก
– ติดตามข้อมูลที่ได้รับเป็นระยะเวลา 2-8 ปีภายหลังการวินิจฉัย เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่ครอบคลุมสำหรับการตัดสินใจรักษาและผลลัพธ์ในแนวทางปฏิบัติการวิจัยประจำวัน

ผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการต้องได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด AF ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของลิ้นหัวใจ (non-valvular) ภายในหกสัปดาห์ก่อนที่จะเข้าร่วม และต้องมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มอย่างน้อยหนึ่งปัจจัย เช่น ผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มที่มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อนอันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง โดยการระบุปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยนั้นขึ้นอยู่กับผู้ตรวจสอบ ซึ่งไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ที่คะแนนความเสี่ยงที่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ผู้ป่วยอาจจะได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นกลยุทธ์และความล้มเหลวในการรักษาในปัจจุบันและอนาคตจึงสามารถเข้าใจได้อย่างเหมาะสมตามการประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละราย

โครงการ GARFIELD-AF Registry ได้รับการสนับสนุนโดยเงินทุนวิจัยจาก Bayer Pharma AG ซึ่งไม่มีข้อจำกัดหรือผูกมัด

ภาระของโรค AF

ทั่วโลกมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด AF สูงถึง 2%[1] เป็นผู้ป่วยในยุโรปประมาณ 6 ล้านคน[2] ในสหรัฐ 3-5 ล้านคน [3][4] และในจีนถึง 8 ล้านคน มีการประมาณการกันว่าจะมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าภายในปี 2593 ตามอายุที่เพิ่มขึ้นของประชากร ภาวะ AF ทำให้ความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นห้าเท่า และหนึ่งในห้าของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมดมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะประเภทนี้ บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจากภาวะ AF จะถึงแก่ชีวิต และในกรณีที่ไม่เสียชีวิต ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะพิการสูงกว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจากสาเหตุอื่นๆ และมีโอกาสพิการในระดับที่รุนแรงกว่า นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มกลับมาเป็นโรคสูงกว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอันเนื่องมาจากสาเหตุอื่นๆด้วย ดังนั้น ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจากภาวะ AF จึงมากกว่าถึงสองเท่า ขณะที่ค่ารักษาเพิ่มขึ้น 50%[7]

โรค AF เกิดขึ้นเมื่อหัวใจห้องบนปล่อยสัญญาณไฟฟ้าที่ไม่เข้ากัน ทำให้หัวใจห้องบนเต้นเร็วเกินไปและไม่เป็นจังหวะ ทำให้เลือดสูบฉีดไม่สมบูรณ์[8] ดังนั้น เลือดจึงสะสม จับตัวเป็นลิ่ม และทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุโรคหัวใจที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก[9] หากลิ่มเลือดหลุดออกจากหัวใจห้องบน ลิ่มเลือดอาจไปอุดกั้นหลอดเลือดแดงตามส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งรวมถึงสมอง ลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงในสมองอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง โดย 92% ของการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองมีสาเหตุมาจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด[9] ผู้ที่มีภาวะ AF ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว อ่อนเพลียเรื้อรัง และปัญหาการเต้นของหัวใจแบบอื่นๆ[10] โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตและทุพพลภาพระยะยาวในทั่วโลก โดยในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ 6.7 ล้านคน[11] และพิการตลอดชีวิต 5 ล้านคน[12]

เกี่ยวกับ TRI

TRI เป็นมูลนิธิการกุศลและสถาบันวิจัยสหวิชาซึ่งอุทิศเพื่อการศึกษาภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดและโรคที่เกี่ยวข้อง ภารกิจของ TRI คือการนำเสนองานวิจัยและการศึกษาภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดที่มึความเป็นเลิศ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆในการป้องกันและรักษาภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือด อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการรักษา ยกระดับผลการรักษา และลดค่ารักษาพยาบาล TRI เป็นสมาชิกของ University College London Partners Academic Health Science System

ที่มา: Thrombosis Research Institute (TRI)

อินโฟเควสท์ เป็นสำนักข่าวออนไลน์ ด้านเศรษฐกิจและการเงิน ข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย ผลิตและรายงานข่าวเศรษฐกิจ หุ้น การเงิน การลงทุน และข่าวต่างประเทศในรูปแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจและการลงทุน