ปวดท้องด้านขวา
– ปีกมดลูกด้านขวาอักเสบ มักเป็นผลต่อเนื่องจากมดลูกอักเสบ (หรือเรียกว่าเกิดอุ้งเชิงกรานอักเสบ) นอกจากจะปวดท้องน้อยแล้ว จะมีอาการตกขาวที่ผิดปกติด้วย มี เจ็บท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะแสบขัด บางรายอาจมีไข้ร่วมด้วย บริเวณรอบสะดือไปจนถึงบริเวณท้องน้อยด้านขวา คลำแล้วเจอกับก้อนเนื้อ กดแล้วรู้สึกเจ็บ อาจเป็น ไส้ติ่งอักเสบ
– มีซีสต์หรือเนื้องอกของปีกมดลูก หรือของรังไข่ด้านขวา
– ท้องนอกมดลูกด้านขวา อาการคือ มีการขาดประจำเดือน แล้วตามด้วยอาการปวดท้องรุรแรง เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ
– ไส้ติ่งอักเสบ อาการปวดมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยเริ่มที่บริเวณรอบสะดือ ต่อมาย้ายไปปวดที่ท้องด้านล่างขวา อาการปวดจะรุนแรงเรื่อยๆ ภายใน 1-2 วัน และมักมีไข้ร่วมด้วย อาจมีท้องเสีย ท้องอืด อาเจียน ปัสสาวะผิดปกติ ร่วมด้วย
– ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน จากการติดเชื้อจากอาหารและน้ำที่ทานไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อโรค แต่จะมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
นอกจากนี้ การมีท้องผูก อาจเป็นสาเหตุให้มีอาการปวดท้องน้อยได้เช่นกัน
ปวดท้องข้างขวาบน (บริเวณชายโครงด้านขวา)
อาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี รวมถึงโรคตับ เมื่อนำมือไปกดลงบริเวณที่มีอาการปวด อาจจะพบกับก้อนเนื้อแข็งๆ ส่วนอาการอื่น ๆที่ตามมา คือ มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
ปวดท้องข้างขวาใต้ซี่โครง
ลำไส้เล็กผิดปกติ หรืออาจเป็นภาวะท้องเสียเรื้อรัง ท้องอืด อีกทั้งยังสามารถพัฒนาไปเป็น โรคลำไส้เล็กอักเสบได้
ปวดท้องน้อยข้างขวา
มีอาการปวดเกร็งเป็นระยะ ร้าวยาวจนมาถึงช่วงต้นขา ซึ่งแสดงว่ากรวยไตมีปัญหา แต่หากมีอาการปวดท้องน้อยข้างขวาร่วมกับมีไข้สุง รู้สึกหนาวสั่น มีตกขาว อาจเป็นสัญญาณของปีกมดลูกอักเสบ
ปวดท้องข้างขวาส่วนกลาง (บั้นเอวด้านขวา)
ร่วมกับขับถ่ายเป็นเลือด หรือมีระบบขับถ่ายที่ผิดปกติ อาจกำลังจะเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ
ไส้ติ่งอักเสบ
ไส้ติ่ง หรือ Appendix นี้มีรูปร่างเหมือนตัวหนอน ห้อยออกมาจากส่วนของลำไส้ใหญ่ที่เรียกว่า Cecum ไม่มีประโยชน์อะไรต่อการย่อยอาหาร แต่นานๆ ทีมันก็เกิดอักเสบขึ้นมา
โรคไส้ติ่งอักเสบ หรือไส้ตันนี้ ทุกคนควรรู้จักอาการเอาไว้ เพราะอาจเกิดขึ้นได้กะทันหัน โรคนี้เริ่มต้นด้วยอาการปวดท้อง ตอนแรกปวดตรงกลางสะดือ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา จุดปวดนี้ค่อยๆย้ายมาอยู่ที่ท้องน้อยด้านขวา ถ้าเราเอามือกดตรงส่วนนี้ของหน้าท้อง จะยิ่งรู้สึกเจ็บมากขึ้นจนแทบทนไม่ได้ ผู้เป็นมักจะมีไข้ขึ้นและอาเจียนติดๆกัน บางคนหยุดถ่าย แต่บางคนก็ท้องเดิน ถ้ามีอาการเช่นนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาล ให้แพทย์เขาตรวจดูทันที เพราะถ้าไส้ติ่งอักเสบจริง จะต้องทำการผ่าตัดก่อนที่ไส้ติ่งจะทะลุแตกในท้อง และเป็นอันตรายต่อชีวิต
การผ่าไส้ติ่ง นี้ ไม่ใช่เรื่องยากหรืออันตราย เมื่อแพทย์เขาตัดตัวไส้ติ่งที่อักเสบนั้นทิ้งไป อาการปวดท้องและอาเจียนก็จะหยุดลง หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ สุขภาพของท่านก็จะดีตามเดิม
หากอาการปวดท้องไม่ได้มีลักษณะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีไข้ หรือไม่มีอาการอื่นๆ อีก อาการปวดท้องน้อยดังกล่าว ก็น่าจะเกิดจากอาการท้องผูกได้ ดังนั้นควรพยายามให้ถ่ายอุจจาระ โดยการทานน้ำมากๆ เน้นทานผักและผลไม้สด อาจทานไฟเบอร์เสริม หากยังไม่ถ่ายอุจจาระมากกว่า 3 วันแล้ว ควรใช้ยาช่วยระบาย และควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินัยอย่างละเอียด เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที