ภาพรวม Set Index หุ้นวันนี้
- หุ้น NVIDIA (บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สหรัฐ) ปรับขึ้นแรง หลังประกาศผลประกอบการดีกว่าที่ตลาดคาด จากความต้องการใช้ชิปในเทคโนโลยี AI
- โพลของ Bloomberg คาดธนาคารกลางจีนจะปรับลด RRR ลงภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
- การเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงแล้ว โดยจะขยายเพดานหนี้ออกไป 2 ปี และจำกัดการใช้จ่ายในปี 2024 – 2025 ซึ่งตลาดน่าจะคลายความกังวลลง
- ผลการประชุมของ Fed ล่าสุด กรรมการเห็นตรงกันว่าการขึ้นดอกเบี้ยในรอบเดือน พ.ค. อาจจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย
- เงินเฟ้ออังกฤษยังอยู่ในระดับสูง คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อหลังจากนี้
- ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลกระทบจาก MOU 23 ข้อ
สถานการณ์ตลาดหุ้นวันนี้
- สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสร้างผลตอบแทนดีกว่า (outperform) ตลาดโดยรวม สะท้อนจากดัชนี Nasdaq ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไป +2.5% WoW ในขณะที่ S&P500 +0.3% และ Dow Jones ปรับตัวลง -1% WoW
- หุ้นกลุ่ม Tech ที่ปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนของหุ้น NVIDIA (บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สหรัฐ) ที่ปรับราคาขึ้นแรงหลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการดีกว่าที่ตลาดคาด และได้ปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้ชิปในเทคโนโลยี AI ซึ่งมียอดคำสั่งซื้อเกินกว่าที่คาดไว้มาก โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Generative AI ได้หนุนทั้งหุ้นกลุ่ม Tech และกลุ่ม Semiconductor ที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI ให้ปรับตัวขึ้นด้วย
- ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นจากความคาดหวังที่ดีขึ้นเกี่ยวกับ MOU ของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สุดโต่งเท่ากับที่พรรคก้าวไกลเคยหาเสียงไว้ และต้องติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
- โพลของ Bloomberg คาดว่าธนาคารกลางจีนจะปรับลด RRR ลงภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแรงลง
- สำหรับการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ล่าสุดนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ กับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงแล้ว โดย
- ขยายเพดานหนี้ออกไป 2 ปี และจำกัดการใช้จ่าย (โดยจะคงค่าใช้จ่ายเท่าเดิมในปี 2024 และจะจำกัดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 1% ในปี 2025) ในส่วนรายละเอียดอื่นๆ ต้องรอการเปิดเผย
- ขั้นตอนต่อไปจะให้ทาง ส.ส. อนุมัติภายในวันที่ 31 พ.ค. และให้ทาง สว. อนุมัติต่อ
- ล่าสุดคุณเยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐปรับเลื่อน Deadline จากวันที่ 1 มิ.ย. มาเป็นวันที่ 5 มิ.ย. ประเด็นนี้ทำให้ตลาดโดยรวมคลายความกังวลลง
- ผลการประชุมของ Fed พบว่ากรรมการ Fed ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าการขึ้นดอกเบี้ยในรอบเดือน พ.ค. อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตาม
- ตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE เดือน เม.ย. อยู่ที่ 4.7% YoY และเพิ่มขึ้น 0.4% MoM ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาด
- สหรัฐมีปรับประมาณการ GDP ไตรมาส 1 ของปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 1.1% มาเป็น 1.3% และตัวเลขยอดขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์
- ล่าสุดข้อมูล Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. ประมาณ 61% เพิ่มจาก 17% ในสัปดาห์ก่อน
- ตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษเดือน เม.ย. อยู่ที่ 8.7% YoY มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 8.3% แต่ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 10.1% ส่วนการเทียบแบบ MoM เงินเฟ้อยังปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ตลาดคาดว่าทางธนาคารกลางอังกฤษน่าจะยังขึ้นดอกเบี้ยต่อหลังจากนี้
มุมมองการลงทุนของ บลจ.กรุงศรี
- การปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐยังตัองติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ Fed จะใช้ในการพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13 – 14 มิ.ย. นี้
- ผู้จัดการกองทุนมองว่าตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวกจากการเจรจาเรื่องเพดานหนี้สหรัฐที่บรรลุข้อตกลงกันได้