Page RPM
การเพิ่มรายได้จากโฆษณา หรือ Page RPM หรือที่คนทำ Google Adsense เข้าใจดีว่าคือ รายได้ต่อการแสดงผล 1000 ครั้ง (RPM) ซึ่งแสดงถึงรายได้โดยประมาณที่คุณจะได้สำหรับทุกๆ การแสดงผล 1000 ครั้ง บนหน้าเวปเพจของเรา ซึ่ง Page RPM หมายถึง รายได้ต่อการแสดงผลหนึ่งพันครั้ง (RPM) ของหน้าเว็บคำนวณโดยการหารรายได้โดยประมาณของคุณด้วยจำนวนการดูหน้าเว็บที่คุณได้รับ แล้วคูณด้วย 1000
RPM = (รายได้โดยประมาณ / จำนวนครั้งของการดูหน้าเว็บ) * 1000
ที่จริงแล้วมี 3 จุดหลักๆ ที่ต้องโฟกัส สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของ Page RPM คือ เว็บเพจ (Web pages) ,โฆษณาที่ปรากฏบนเว็บไซต์(Ads) และกลุ่มผู้ชมที่เข้าชมเว็บไซต์(Audience)
ซึ่งการปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้อาจไม่สามารถเห็นผลทันที อาจต้องมีการทำการทดสอบ A/B เพื่อนำแนวทางใด ๆ เหล่านี้มาใช้ ควรจะใช้ขนาดตัวอย่างที่มีน้ำหนักสำคัญ และปล่อยให้ทุกการทดลองรันเป็นเวลาอย่างน้อยซักระยะหนึ่งก่อนเพื่อการประเมินผล
โดยสามารถสรุปวิธีการเพิ่ม Page RPM หลักๆ ออกมาดังนี้
1. Content quality : ให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหาของคุณ
การทำคอนเทนต์ เป็นหัวใจสำคัญของสื่อทุกประเภท การให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหา เป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้เราสามารถควบคุม Page RPM ให้สูงขึ้นได้
การมีเนื้อหาที่ดี ที่ผู้ใช้งานของคุณสนใจ มีผลต่อทุกตัวชี้วัดและการปรับปรุงอื่น ๆ อีกด้วย หรือที่เราเคยได้ยินว่า Content is King
2. Suggest relevant content : นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความสนใจของผู้ใช้
เครื่องมือแนะนำเนื้อหาถูกออกแบบมาเพื่อให้เส้นทางการนำทางไปยังเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ใช้ติดต่อกันและเพิ่มเวลาในหน้าเวปเพจและดูต่อไปเรื่อยๆ
ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนการดูหน้าเว็บ และยังช่วยเพิ่มรายได้ต่อหน้าเวปเพจ (Page RPM) โดยเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้จะคลิกโฆษณาบนหน้าเว็บอีกด้วย
3. Site speed and fix technical issues : เพิ่มความเร็วของเว็บไซต์และแก้ไขปัญหาด้นเทคนิค
การเพิ่มความเร็วการโหลดของเวปเพจที่แสดงโฆษณาของเรา เป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้และการแสดงโฆษณาได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
แต่คุณยังควรให้ความสนใจกับปัญหาเทคนิคอื่นๆ ที่อาจลดประสิทธิภาพการทำงานของหน้าเวบด้วย เช่นปัญหาการแสดงผลบนมือถือหรือลิงก์ที่เสียหาย(broken links)
4. Ads viewability : เพิ่มความสามารถในการมองเห็นโฆษณา
โฆษณาที่ไม่สามารถมองเห็นก็ถือว่าไม่มีประสิทธิภาพ จึงนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก นับตั้งแต่ปัจจุบัน ผู้ลงโฆษณาและผู้จัดพิมพ์กำลังใช้ค่าเมตริกนี้เพื่อประเมินผลโฆษณา โดยผู้ลงโฆษณาจะจ่ายเงินเมื่อโฆษณาได้รับการมองเห็นจริงๆเท่านั้น
ตามรายงานจาก eMarketer การมองเห็นโฆษณาบน Desktop มีอัตราส่วนเพียงแค่ 40% ซึ่งหมายความว่าเกือบครึ่งของงบประมาณที่ลงโฆษณากลับไปยังโฆษณาที่ไม่มีใครเห็น
ดังนั้น การเพิ่มการมองเห็นจริงให้กับโฆษณานั้นมีประโยชน์ต่อทุกคน อีกหนึ่งปัจจัยคือการลดความหน่วงของโฆษณา (เพิ่มความเร็วในการโหลดโฆษณา)
เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถมีผลต่อการมองเห็นโฆษณาได้มาก การปรับปรุงเลย์เอาต์และตำแหน่งโฆษณาของเราอาจช่วยเพิ่มการมองเห็นโฆษณาของคุณได้อีกด้วย
5. Ad formats and sizes : ปรับแต่งรูปแบบและขนาดโฆษณาของคุณให้เหมาะสม
มีรูปแบบโฆษณา(adsense google ads) ที่หลากหลายที่รองรับการแสดงผลบนเว็บไซต์ของเรา เช่น ข้อความ การแสดงผล วิดีโอ มีเดียรวม(rich media) หรือโฆษณาที่ขยายขนาด(expandable ads) แต่ละรูปแบบจะมีราคาคลิกและการแสดงผลต่อพิกเซลที่แตกต่างกัน
แต่ไม่ได้หมายความว่าการเปลี่ยนโฆษณาทั้งหมดให้เป็นวิดีโอจะทำให้คุณเพิ่มค่า RPM ของหน้าของคุณได้เสมอไป
เพราะเราจะต้องทดลองและค้นหาสมรรถนะการผสมรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มรายได้ให้สูงสุด เราจึงควรลองทดลองดูว่าขนาดโฆษณาใดที่เหมาะกับเว็บไซต์ของเรามากที่สุด
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ขนาดโฆษณาที่กว้างกว่าจะมีค่า CPC ที่สูงกว่า
ขอแถมอีกหนึ่งข้อที่น่าจะสำคัญมาก คือการปรับปรุงยอดการเข้าชมเวปของเราให้มีคุณภาพ (Optimize traffic for quality) การจัดหาการเข้าชมของเรา ควรจะเน้นการเพิ่มคุณภาพของการเข้าชมไม่ใช่แค่จำนวนเท่านั้น ผู้เยี่ยมชมที่มาแบบเป็นธรรมชาติจะมีคุณภาพสูง เนื่องจากเหตุผลที่พวกเขาเข้ามาในเว็บไซต์คือพบเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อคำค้นหาของพวกเขา แต่ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่คุณมีบนเว็บไซต์ ที่อาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปในบางกรณี วิธีที่ดีที่สุดคือการสร้างโปรไฟล์ของแหล่งอ้างอิงของคุณแล้วดูว่าแหล่งข้อมูลการเข้าชมไหนที่นำเข้าผู้ใช้ที่สนใจมากที่สุด คุณสามารถใช้โปรไฟล์นั้นเพื่อโฟกัสในการจัดหาการเข้าชมจากแหล่งที่มีคุณภาพสูง กลุ่มผู้ชมที่มีความสนใจสูงจะเป็นที่น่าสนใจต่อผู้โฆษณา ซึ่งจะทำให้ Bid ค่าโฆษณาบนเว็บไซต์ของเราเพิ่มขึ้น นั่นจะทำให้ page RPM เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
