ฮิกันบานะ ดอกไม้แห่งความตาย หรือบางคนเรียกพลับพลึงแมงมุม

FLASH SALE
ฝากข่าว โดย :

ฮิกันบานะ (Higanbana)ฮิกันบานะ (Higanbana) หรือพลับพลึงแมงมุม ที่เราเห็นบ่อยๆ ในอนิเมะ คือดอกไม้แห่งความตายหรือโลกหน้าที่คนญี่ปุ่นมองว่าน่ากลัว และก็ยังมีความหมายในเชิงความรู้สึกว่า “ผมคิดถึงเพียงคุณเสมอ รอวันที่เราจะได้กลับมาพบกันอีก” ความจริงแล้วน้องเป็นดอกไม้มีพิษ มักปลูกใกล้หลุ่มศพไม่ให้สัตว์เข้าใกล้ ดอกฮิกันบานะมักจะบานในช่วงวันศารทวิษุวัต (秋分の日: Autumn Equinox) ในฤดูใบไม้ร่วง

ดอกฮิกันบานะ (Higanbana)

ดอกฮิกันบานะ มีความหมายถึงการหลงใหลในความรัก ความคิดถึงที่ยังวนเวียนอยู่เสมอและการรอคอยเพื่อพบกันอีกครั้ง , ก็คิดไปได้ว่าความรู้สึกเหล่านี้ คือความรู้สึกต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งคนญี่ปุ่นมักจะปลูกฮิกันบานะเอาไว้รอบๆหลุมศพ จึงให้ความรู้สึกที่น่าเศร้ามากกว่า
ดอกฮิกันบานะ เป็นดอกไม้สีแดงของประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะชื่อ ฮิกันบานะ แล้ว ดอกฮิกันบานะ ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มันจูชาเงะ

ดอกไม้

ฮิกันบานะ (Higanbana) หมายถึง ดอกไม้ที่บานในช่วงวันวสันตวิษุวัต รู้จักกันในชื่อ Red Spider Lily มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนและเกาหลี เนื่องจากดอกฮิกันบานะ จะเบ่งบานในช่วงวันวสันตวิษุวัต ของฤดูใบไม้ร่วง คือฤดูกาลที่เวลากลางคืนและกลางวันยาวนานเท่ากัน ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกช่วงนี้ว่า ฮิกัน โดยดอกฮิกันบานะจะบานอวดสีสันสดใสปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของฤดูใบไม้ผลิ ประมาณวันที่21-23 มีนาคม) และสัปดาห์ที่ 3 ของฤดูใบไม้ร่วง ประมาณวันที่ 21-23 กันยายน) ด้วยความเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง กลางคืนจะกลืนกินแสงสว่างของเวลากลางวัน เหมือนกับความมืดมิดในโลกแห่งความตาย ดังนั้นชาวญี่ปุ่นจึงจัดเทศกาล O-Higan ขึ้น คล้ายกับเทศกาลเช็งเม้งของประเทศไทยที่ผู้คนในตระกูลเดียวกันจะเดินทางไปทำทำพิธีเคารพหลุมศพของบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เช่นเดียวกับกุศโลบายในการปลูกดอกฮิกันบานะไว้รอบ ๆ สุสาน เพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาสัตว์และแมลงมาทำลายหลุมศพนั่นเอง และด้วยธรรมชาติของดอกฮิกันบานะ ซึ่งจะทิ้งใบจนหมดต้นเมื่อดอกบานเต็มที่ จึงทำให้มันได้รับตำแหน่งดอกไม้แห่งการพลัดพรากไปครองอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย แถมบางคนก็มโนไปอีกว่า สีแดงสดของดอกฮิกันบานะ ได้มาจากเลือดของซากศพที่ฝังอยู่ใต้ดินดอกฮิกันบานะ (Higanbana)
ความหมายของดอกฮิกันบานะ แต่ละสี

ฮิกันบานะสีแดง หมายถึง ความคลั่งไคล้ ฉันคิดถึงเพียงคุณเท่านั้น การกลับมาพบกันใหม่ และการยอมแพ้
ฮิกันบานะสีขาว หมายถึง ฉันคิดถึงคุณ และเฝ้ารอวันที่เราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
ฮิกันบานะสีเหลือง หมายถึง ความคิดถึง หรือหวนระลึกความหลัง

ดอกไม้แนวอนิเมะแฟนตาซีในญี่ปุ่น ดอกไม้แห่งความตาย ทำไมคนญี่ปุ่นถึงกลัวดอกไม้ชนิดนี้ และสาเหตุของการเป็นดอกไม้แห่งความตายเพราะอะไร แล้วทำไมถึงเรียกดอกฮิกันบานะเป็น ดอกไม้แห่งความตาย

Higanbana เป็นดอกไม้มีพิษ

เพราะในส่วนของหัวของดอกจะมีสารพิษที่มีชื่อว่า แอลคาลอยด์ ซึ่งคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนมักนิยมนำดอกชนิดนี้มาทำอาหารกินในช่วงขาดแคลน โดยนำหัวมาล้างน้ำให้สะอาดเพื่อละลายพิษเสียก่อน เพราะหากมีพิษตกค้างจะทำให้ เมื่อรับประทานเข้าไปก็อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง, คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย ท้องร่วง, ตัวสั่น จนถึงขั้นเป็นอัมพาตและเสียชีวิตได้ค่ะ

ฮิกันบานะ เป็นดอกไม้คู่หลุมฝังศพ

ด้วยความที่ดอกฮิกันบานะมีพิษคนญี่ปุ่นจึงนิยมนำมาปลูกรอบๆ หลุมฝังศพ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ร้ายมาเข้ามาทำลายหลุมฝังศพ จึงเป็นที่มาว่าเป็นดอกไม้ที่อยู่คู่กับหลุมศพนั่นเองค่ะ

ฮิกันบานะ กับความเชื่อเรื่องสีแดง

ดอกฮิกันบานะ นอกจากนิยมปลูกคู่กับหลุมศพแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังมีความเชื่ออีกว่า ที่ดอกฮิกันบานะมีสีแดง เพราะว่ามาจากการที่ดอกไม้ดูดเลือดของศพขึ้นมาทำให้กลายเป็นสีแดงและมักนิยมใช้ในงานศพ

เพิ่มเติมเกี่ยวกับดอกเดซี่

เดซี่ (Daisy)

ดอกเดซี่ ดอกไม้แห่งรัก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Thymophylia Tenuiloba (DC.) Small ส่วนชื่อสามัญทั่วไปก็มีทั้ง Dahlberg Daisy, Gold Carpet, Gloden Fleece แต่หลัก ๆ แล้วจะเรียกสั้น ๆ ว่า Daisy โดยมีการค้นพบครั้งแรกโดยนักพฤกษาวิทยาที่ตำบลเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก รวมถึงบริเวณรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา

ความหมายของดอกเดซี่ คือ ในสมัยก่อนหญิงสาวที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก มักจะนำเดซี่สีขาวมาเด็ดกลีบเพื่อทำนายรัก-ไม่รัก เลยทำให้เดซี่กลายเป็นสัญลักษณ์แทนหัวใจอันบริสุทธิ์