สนามบิน GVK
สนามบิน GVK ChhatrapatiShivaji International Airport เทอร์มินัล 2 ได้รับการออกแบบเพื่อแสดงถึงอนาคตในเวทีโลกของอินเดีย ขณะที่แฝงไปด้วยมรดกอินเดียอันเก่าแก่
วันนี้ นายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ตลอดจนบรรดาผู้ทรงเกียรติและคณะตัวแทนจาก GVK นักพัฒนาภาคเอกชน ร่วมเปิดทำการสนามบิน ChhatrapatiShivaji International Airport เทอร์มินัล 2 ศูนย์กลางทางอากาศยานแห่งใหม่อันตื่นตาตื่นใจ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Skidmore, Owings & Merrill (SOM) ตั้งอยู่บนใจกลางเมืองหลวงทางการเงินของอินเดีย ศูนย์กลางแห่งใหม่นี้ได้เสริมพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้น 4.4 ล้านตารางฟุต เพื่อรองรับผู้โดยสารกว่า 40 ล้านคนต่อปี โดยเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ด้วยการผสมผสานเครือข่ายอันซับซ้อนระหว่างผู้โดยสารและเครื่องบินลงในดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครและสามารถตอบสนองการขยายตัวในภูมิภาคที่กำลังพุ่งขึ้นเสมือนจรวด เทอร์มินัล 2 ใหม่เปิดทางสนามบินแห่งนี้กลายเป็นประตูสู่อินเดียอย่างเหนือชั้น อีกทั้งตอกย้ำสถานะของอินเดียเพื่อเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
นาย จี วี ซานเจย์ เร็ดดี้ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของ GVK Mumbai International Airport Pvt. Ltd. (MIAL) กล่าวว่า “เทอร์มินัล 2 แห่งใหม่ที่ CSIA เป็นอนุสรณ์แห่งจิตวิญญาณอันงดงามของมุมไบและชาวมุมไบ โดยเทอร์มินัลดังกล่าวจะทำให้สนามบิน CSIA กลายเป็นประตูสู่มุมไบและอินเดีย ซึ่งให้การต้อนรับบรรดาผู้โดยสารจากต่างประเทศและในประเทศ เรามีความยินดีที่จะร่วมงานกับ SOM ซึ่งช่วยให้ความฝันและวิสัยทัศน์เป็นความจริงได้”
สนามบินมุมไบ
เทอร์มินัลแห่งใหม่นี้มอบบริการให้แก่ผู้โดยสารจากต่างประเทศและในประเทศเบ็ดเสร็จในแห่งเดียว ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในเทอร์มินัลให้มีความเหมาะสมและช่วยลดเวลาการเดินเท้าของผู้โดยสาร โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบศาลาดั้งเดิมของอินเดีย เทอร์มินัลความสูงสี่ชั้นนั้นเป็นที่ตั้งของ headhouse ขนาดใหญ่ หรือหอบังคับการกลาง ซึ่งตั้งอยู่บนอาคารท่าเทียบเครื่องบินย่อยๆที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน ทั้งนี้ แทนที่จะจัดสรรการใช้งานของเทอร์มินัล อาคารเทียบเครื่องบินสมมาตรทั้งสามแห่งนั้นจะหันหน้าออกจากหอกลาง ซึ่งทำให้สามารถ “สับเปลี่ยน” การให้บริการเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศได้อย่างง่ายดาย
นอกเหนือจากสถานะครั้งใหม่ในเวทีโลกและความไฮเทคของมุมไบแล้ว โครงสร้างอาคารแห่งใหม่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอาย ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอินเดีย “เราได้ออกแบบสนามบินที่เชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมภายนอกด้วยความล้ำลึก” นายโรเจอร์ ดัฟฟี่,FAIA, พาร์ทเนอร์การออกแบบจาก SOM กล่าว “จากการผสมผสานรูปแบบและองค์ประกอบท้องถิ่นอย่างเหนือระดับ เทอร์มินัล 2 จึงสะท้อนถึงกลิ่นอายของพื้นที่และเป็นสัญลักษณ์ของอินเดียและมุมไบ” ตั้งแต่การออกแบบเพื่อเชื่อมต่อเสาบนหอกลาง และพื้นที่บริเวณหลังคา ไปจนถึงบานหน้าต่าง jail อันปราณีตงดงามที่ช่วยกรองแสงเป็นจุดๆเข้ามาบริเวณท่าเทียบเครื่องบิน ซึ่งช่วยให้เทอร์มินัล 2 สามารถแสดงศักยภาพการเป็นสนามบินทันสมัยอันเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายทางวัฒนธรรม
ประตูสู่อินเดีย
ผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศและในประเทศเดินทางมายังหอกลางของเทอร์มินัลบนชั้น 4 จากทางเดินยกระดับอันกว้างขวาง โดยเมื่อเดินทางถึงทางเข้าแล้วจะเจอทางแยกยาวไปเป็นขอบทางเดินกว้างขวาง ตลอดจนพื้นที่จัดพิธีการส่งตามธรรมเนียมอินเดีย นอกจากนี้ ในเที่ยวบินขาเข้า จะมีเทอร์มินัลให้รองรับผู้โดยสาร พร้อมหลังคาหอกลางที่แผ่ขยายไปตลอดแนวทางเดินผู้โดยสารขาเข้า เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารและแขกต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนและมรสุมที่เหนือคาดการณ์ในเมือมุมไบ และยังมีผนังกระจกขึงความสูง 50 ฟุต ซึ่งมีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดยาวไปตามพื้นที่เช็คอิน โดยพื้นผิวกระจกอันโปร่งใสนั้นเปิดโอกาสให้ผู้ที่เดินทางมารับหรือส่งผู้โดยสาร ซึ่งถูกกันไว้ให้อยู่ภายนอกเทอร์มินัลตามกฎข้อบังคับทางอากาศยานอินเดีย สามารถเห็นเพื่อนๆและครอบครัวของพวกเขาเดินทางออกจากสนามบินได้
เมื่อได้เดินทางมายังบริเวณภายในแล้ว นักท่องเที่ยวจะพบกับโถงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสงสีอันอบอุ่น ตั้งอยู่ภายใต้หลังคาที่แผ่ปกคลุมบริเวณกว้างขวาง ซึ่งถูกค้ำโดยเสาค้ำความสูงเทียบตึกหลายชั้นโดยพื้นที่โอ่โถงดังกล่าวนั้นอยู่ใต้เสาค้ำที่กระจายตัวอยู่ 30 เสาด้วยกัน ซึ่งก่อให้เกิดพื้นที่บริการที่มีอากาศถ่ายเท พร้อมมีการตกแต่งลานภายในด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่น อีกทั้งยังมีการตกแต่งด้วยแผนกลมขนาดเล็กและกระจกหลากสีสันภายในพื้นที่หลังคาด้านบน เพื่อสร้างแสงสีให้กับพื้นที่ข้างล่าง ทั้งนี้ การเล่นสีสันดังกล่าวนั้นคล้ายกับสีบนตัวของนกยูง ซึ่งเป็นนกประจำชาติของอินเดีย และยังเป็นสัญลักษณ์ของสนามบิน
เมื่อผ่านพื้นที่เช็คอินไปแล้วจะเจอกับศูนย์การค้าปลีก ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้โดยสารสามารถซื้อของ รับประทานอาหารและดูเครื่องบินเทคเหิรขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ผ่านหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นถึงหลังคาสุดหรู พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บนกลางแยกท่าเทียบเครื่องบินอันเป็นจุดกึ่งกลางของเทอร์มินัล พลาซ่าเชิงพาณิชย์นี้เป็นศูนย์รวมกิจกรรมสำคัญซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงบริเวณเกทเทียบเครื่องบินต่างๆ โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวและตลอดทั้งท่าเทียบเครื่องบิน มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและลงรายละเอียดต่างๆซึ่งแฝงไปด้วยกลิ่นอายทางวัฒนธรรม เช่น โคมไฟระย้าสั่งทำพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดอกบัว และผลงานกระจกโมเสคดั้งเดิมจากบรรดาศิลปินท้องถิ่น เพื่อให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนและวัฒนธรรมที่อยู่เหนือพื้นที่สนามบิน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะและวัตถุท้องถิ่นต่างๆบน Art Wall ความสูงหลายชั้นรับแสงสีจากหน้าต่างด้านบน ทั้งนี้ การประยุกต์ใช้ศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น ประกอบกับการใช้สีโทนอบอุ่นและลักษณะการตกแต่งอันหรูหรา ทำให้บรรยากาศในเทอร์มินัลสวยแปลกตา ซึ่งจะมอบประสบการณ์การเดินทางในสนามบินที่เหนือจินตนาการ
แม้ว่าเทอร์มินัลดังกล่าวจะมีความสูงถึง 4 ชั้น แต่ช่องแสงที่เชื่อมต่อระหว่างกัน อีกทั้งระบบแสงระหว่างชั้นทำให้มั่นใจได้ว่า แสงจะส่องผ่านบริเวณชั้นล่างๆของอาคารได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะคอยบอกเวลาให้กับเมืองและพื้นที่ใกล้เคียง โดยในช่วงก่อนค่ำ เทอร์มินัลนี้จะส่องแสงจากภายในเสมือนโคมระย้าที่ได้รับการออกแบบอย่างงดงาม
โครงสร้างยืดหยุ่นรองรับอนาคต
พื้นที่ก่อสร้างอาคารเทอร์มินัลใหม่นี้ตั้งอยู่ใกล้เคียงเทอร์มินัลเดิม ซึ่งจำเป็นต้องคงการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบระหว่างการก่อสร้าง ข้อบังคับดังกล่าวจึงสร้างแรงบันดาลใจจนเกิดแผนก่อสร้างเทอร์มินัลแบบตัว X แผ่ขยายออกไป ซึ่งทำให้สามารถดำเนินการก่อสร้างรอบโครงสร้างเดิมได้ อีกทั้งยังสามารถรวบรวมการออกแบบส่วนนำเพาะเพื่อรองรับการก่อสร้างอันเร่งด่วนและมีหลายระยะ นอกจากนี้ นวัตกรรมการออกแบบดังกล่าวยังเป็นการรวบรวมขั้นตอนการประมวลผล จัดการกระเป๋าและฟังก์ชั่นการใช้งานในส่วนค้าปลีก/รับประทานอาหารไว้อย่างเบ็ดเสร็จภายในเทอร์มินัลเดียว โดยในแต่ละชั้น ท่าเทียบเครื่องบินที่ทอดยาวออกไปทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินจากจุดกึ่งกลางเทอร์มินัลไปยังพื้นที่บอร์ดดิ่งได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ขณะที่ปรับเพิ่มขนาดพื้นที่เทอร์มินัลสำหรับเกทเครื่องบิน
พื้นที่หลังคาของเทอร์มินัล ซึ่งนับว่าเป็นหลังคาที่ไม่มีข้อต่อขยายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้เทอร์มินัลมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โดยโครงสร้างเสาเหล็กค้ำคุณภาพสูงนั้นทำให้สามารถติดตั้งเสาความสูง 130 ฟุตจำนวนทั้งสิ้น 30 เสาได้ห่างกันพอสมควร เพื่อให้พื้นที่ดำเนินงานด้านล่างมีอากาศถ่ายเทสะดวก พร้อมมอบความยืดหยุ่นสูงสุดในการจัดเคาท์เตอร์จำหน่ายตั๋วและสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินการอื่นๆตามความจำเป็น
ศูนย์กลางแห่งการประหยัดพลังงาน
เทอร์มินัล 2 ใช้ระบบการติดตั้งกระจกคุณภาพสูงแบบ custom frit เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพทางความร้อนที่เหมาะสมและช่วยลดแสงจ้า โดยแผงเหล็กเจาะรูบนผนัง curtain wall ของเทอร์มินัลนั้นจะกรองแสงแดดจากมุมต่ำทางตะวันตกและตะวันออก สร้างพื้นที่ที่มีแสงสบายตาให้กับผู้โดยสารที่กำลังรอเที่ยวบิน และยังมีระบบควบคุมแสงธรรมชาติที่คอยปรับสมดุลระดับแสงภายนอกและภายในอาคารเพื่อประหยัดพลังงานอีกด้วย นอกจากนี้ ช่องรับแรงบนหลังคาที่มีการติดตั้งอย่างเหมาะสมตลอดทั้งพื้นที่เช็คอินนั้นจะลดการใช้พลังงานภายในเทอร์มินัลถึง 23%
เทอร์มินัล 2 มีการใช้วัสดุและเทคโนโลยีสุดทันสมัยเพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะประกอบไปด้วยกลยุทธ์อันเหนือชั้น ในการกำหนดมาตรฐานใหม่เพื่อสร้างดีไซน์สนามบินที่มีความยั่งยืนและทันสมัย เทอร์มินัลนี้ยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และขนมธรรมเนียมของอินเดียและมุมไบ อีกทั้งยังเป็นความสำเร็จในการออกแบบและเทคโนโลยีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สนามบิน ChhatrapatiShivaji International Airport อันโดดเด่นในเมืองมุมไบ พร้อมเฉลิมฉลองมรดกทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของอินเดีย และอนาคตของอินเดียในเวทีโลกที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เกี่ยวกับ Skidmore, Owings & Merrill LLP
Skidmore, Owings & Merrill LLP (SOM) เป็นหนึ่งในบริษัทรับออกแบบสถาปัตยกรรม วางผังเมือง ตกแต่งภายใน และวิศกรรมชั้นนำของโลก ด้วยชื่อเสียงด้านการออกแบบมานานกว่า 75 ปี รวมถึงผลงานมากมายซึ่งรวมถึงสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 และ 21 นับตั้งแต่ก่อตั้ง SOM เป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีเฉพาะ กระบวนการใหม่ และแนวคิดนวัตกรรม ซึ่งมีผลงานมากมายที่ชัดเจนและมีอิทธิพลต่อวงการการออกแบบและสภาพแวดล้อมโดยรวม ความเป็นผู้นำอันยาวนานของบริษัทในเทคโนโลยีการออกแบบและการก่อสร้างได้รับการยกย่องด้วยรางวัลต่างๆ กว่า 1,600 รางวัลสำหรับคุณภาพ นวัตกรรม และการบริหารจัดการ The American Institute of Architects ได้ยกย่อง SOM ด้วยรางวัลสูงสุดถึงสองครั้งคือ Architecture Firm Award ในปี 1962 และอีกครั้งในปี 1996 บริษัทมีสำนักงานตั้งอยู่ในนิวยอร์กชิคาโก ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส วอชิงตันดีซี ลอนดอน ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ มุมไบ และอาบูดาบี