Energy Management System : ระบบบริหารจัดการพลังงานในอาคาร

FLASH PRESS
ฝากข่าว โดย :

Energy Management System

Energy Management System (EMS) หรือ ระบบบริหารจัดการพลังงาน คือระบบที่ใช้ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ ควบคุม และปรับปรุงการใช้พลังงานในอาคาร โรงงาน หรือองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้เกิด การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดต้นทุน และส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม


ส่วนประกอบหลักของ Energy Management System

    1. Energy Monitoring
      ระบบเก็บข้อมูลการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ เช่น ไฟฟ้า น้ำ อากาศอัด ก๊าซ ฯลฯ ผ่าน sensor และอุปกรณ์วัด
    2. Data Analytics & Reporting
      วิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงานในรูปแบบกราฟ สรุปรายงานแยกตามโซน เวลา หรืออุปกรณ์ เพื่อหาจุดที่มีการใช้พลังงานสูงเกินจำเป็น
  1. Energy Control & Automation
    ระบบควบคุมแบบอัตโนมัติ เช่น ตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องจักร เปิดแอร์อัตโนมัติตามอุณหภูมิ หรือโหลดบาลานซ์ช่วงพีคโหลด
  2. Alert System
    แจ้งเตือนเมื่อเกิดการใช้พลังงานผิดปกติ เช่น เครื่องทำงานเกินกำลัง หรือเกิดไฟตก ไฟเกิน
  3. Performance Evaluation (KPI)
    ประเมินประสิทธิภาพของพลังงาน เช่น kWh/หน่วยการผลิต หรือ Energy Saving เทียบกับ baseline

ประโยชน์ของการใช้ EMS

  • ลดต้นทุนค่าสาธารณูปโภค (โดยเฉพาะค่าไฟ)
  • ช่วยองค์กรเข้าสู่มาตรฐาน ISO 50001
  • สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability / ESG)
  • ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
  • วางแผนการใช้พลังงานล่วงหน้าได้แม่นยำขึ้น

EMS เหมาะกับใคร?

  • โรงงานอุตสาหกรรม (ที่มีเครื่องจักรพลังงานสูง)
  • อาคารสำนักงาน ห้าง โรงแรม
  • โรงเรียน มหาวิทยาลัย
  • หน่วยงานรัฐที่มีนโยบายอนุรักษ์พลังงาน

Electrical Management System คืออะไร?

Energy Management SystemElectrical Management System หรือ ระบบบริหารจัดการระบบไฟฟ้า คือระบบที่ใช้ในการ ตรวจสอบ ควบคุม และวิเคราะห์ การจ่ายไฟฟ้าภายในอาคารหรือโรงงานแบบรวมศูนย์ โดยเน้นการบริหารจัดการด้านไฟฟ้าเป็นหลัก เช่น ระบบจ่ายไฟหลัก, ระบบสำรองไฟ, โหลดไฟฟ้า, แรงดัน, กระแส, เพาเวอร์แฟกเตอร์ ฯลฯ

ต่างจาก Energy Management System ที่ดูพลังงานภาพรวม (รวมถึงน้ำ ก๊าซ อากาศอัด ฯลฯ)  Electrical Management System จะโฟกัสเฉพาะเรื่องระบบไฟฟ้า เป็นหลัก


ส่วนประกอบของ Electrical Management System

  1. Power Meter / Smart Meter
    • อุปกรณ์วัดค่ากระแสไฟ แรงดัน เพาเวอร์แฟกเตอร์ ความถี่ ฯลฯ
    • ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพไฟฟ้าแบบเรียลไทม์
  2. SCADA หรือ HMI Interface
    • ระบบแสดงข้อมูลผ่านจอหรือ Dashboard ให้ผู้ดูแลเห็นสถานะการจ่ายไฟของแต่ละโซน
  3. Load Monitoring
    • ตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าของแต่ละโหลด/อุปกรณ์ เพื่อวางแผนโหลดบาลานซ์ และหลีกเลี่ยงโหลดเกิน
  4. Control System
    • สั่งเปิด/ปิดเบรกเกอร์อัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน เช่น ไฟเกิน ไฟตก
  5. Event & Alarm System
    • แจ้งเตือนเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น ไฟฟ้าขัดข้อง, โหลดเกินพิกัด, เบรกเกอร์ทริป ฯลฯ

ประโยชน์ของ Electrical Management System

  • ลดโอกาสไฟฟ้าดับจากโหลดเกินหรือระบบล้มเหลว
  • ควบคุมคุณภาพไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้เครื่องจักร
  • วิเคราะห์พฤติกรรมโหลด ช่วยวางแผนขยายระบบไฟในอนาคต
  • เพิ่มความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า
  • เก็บข้อมูลเพื่อการ Audit หรือผ่านมาตรฐาน เช่น ISO หรือโรงงานอุตสาหกรรม 4.0

เหมาะกับใคร?

  • โรงงานที่ใช้เครื่องจักรกำลังสูง
  • อาคารที่มีโหลดไฟจำนวนมาก เช่น ห้าง, โรงแรม, โรงพยาบาล
  • Data Center
  • อาคารที่ต้องการควบคุมคุณภาพพลังงานไฟฟ้าอย่างเข้มงวด