
เตรียมตัวพร้อมรับตำแหน่งคุณแม่มือใหม่
วินาทีที่รู้ว่าคุณกำลังจะเป็น “แม่”
เป็นวินาทีที่แสนพิเศษ
เป็นอีกวินาทีที่ยิ่งใหญ่
เป็นหนึ่งในวินาทีที่ประทับใจ
เป็นวินาทีของแม่มือใหม่เช่นคุณ
เปิดตัวด้วยกลอนเล็กๆ แทนคำแสดงความยินดี แด่คุณแม่ทุกท่าน สำหรับตำแหน่งคุณแม่มือใหม่ (ท้่องแรก) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นมาด้วยความปลื้มใจ จากความเต็มใจของคุณ คุณแม่หลายท่านอาจไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร ต้องวางแผนสิ่งใดเพิ่มบ้าง วันนี้ดิฉันจึงขอเสนอรายการสิ่งที่คุณแม่มือใหม่ควรเตรียมตัวมาฝากกัน
1.ฝากครรภ์ฝากชีวิต
คงไม่ใช่สิ่งที่กล่าวเกินจริงนัก ดังที่หนังสือคู่มือการตั้งครรภ์คุณภาพ กล่าวว่า “การปฏิสนธิเป็นเรื่องของคู่สมรส แต่หลังจากนั้นผู้ที่ดูแลให้ทารกมีชีวิตรอดจนครบกำหนดคลอด และเกิดมาเป็นเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์เป็นเรื่องราวและฝีมือของสูติแพทย์ผู้รับฝากครรภ์ รวมถึงผู้ที่จะทำคลอดให้ลูกของคุณ”ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณแม่มือใหม่ควรใส่ใจ และให้ความสำคัญ คือ ฝากครรภ์ของคุณกับสูติแพทย์ที่มีทั้งความรู้ ความชำนาญ และความรับผิดชอบ เพื่อที่คุณจะได้รับการดูแลที่เหมาะสม ปลอดภัย ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึง การคลอด และ หลังคลอด ที่สำคัญอย่าลืมให้ข้อมูล และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับ การตั้งครรภ์ หรือโรคต่างๆ ของคุณ เช่น ประวัติการตั้งครรภ์ การแท้ง การผ่าตัด หรือการติดเชื้อที่อวัยวะต่างๆ เป็นต้น
2.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
อย่าลืมว่าตอนนี้ มีอีกหนึ่งลมหายใจภายในตัวคุณ ดังนั้นจะทำสิ่งใดก็ควรคำนึงถึงเจ้าตัวน้อยด้วย พฤติกรรมใด ที่ไม่ควรทำก็ควรหลีกเลี่ยง แม้ว่าสิ่งนั้น จะเป็นสิ่งที่คุณโปรดปรานที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าส้นสูงแสนสวย เสื้อผ้ารัดรูปมากๆ ทำสีผมหรือยืดผม คุณแม่ไม่จำเป็นต้องเสริมปรุงแต่งใดๆ เชื่อเถอะว่า ผู้หญิงเราจะสวยที่สุดก็ตอนเวลาท้องนี่แหละ คุณแม่วางใจได้ นอกจากนี้อาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณหมอแนะนำอย่างไร ก็ควรปฏิบัติตาม อย่างเครื่องดื่มชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ ควรงดเด็ดขาด เพราะจะมีผลกระทบโดยตรงต่อทารกในครรภ์ค่ะ และอย่าให้คุณหมอรู้เชียวนะคะว่าคุณยังมีพฤติกรรมนอนดึก ใช้คอมพิวเตอร์จัด สูบบุหรี่ เครียด และรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ท่องไว้ เพื่อลูกเพื่อลูก
3.อ่านเพิ่มเสริมความรู้
เวลาว่างของคุณแม่มือใหม่หลายๆ ท่านอาจจะหมดไปกับการอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมกับท้องของคุณ เช่น เปิดเพลงกล่อมเจ้าตัวน้อย พูดคุยและลูบคลำท้อง เป็นเรื่องดีนะคะที่คุณแม่จะมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าตัวน้อยในท้อง เพราะเขาจะได้รับรู้ความรัก และความห่วงใยที่คุณแม่ส่งไปให้เขา การอ่านหนังสือเกี่ยวกับคุณแม่ตั้งครรภ์ และพัฒนาการของทารกก็เป็นสิ่งจำเป็น อย่างนิตยสารบันทึกคุณแม่จะช่วยให้คุณแม่ได้รับข้อมูล ข่าวสาร และความรู้ อย่างครอบคลุม ซึ่งจำเป็นต่อทั้งตัวคุณแม่และเจ้าตัวน้อยในครรภ์
4.เตรียมลางานสานหน้าที่คุณแม่มือใหม่
คุณแม่ต้องคำนวณเวลาที่สามารถลางานได้ จากกฎหมายคุ้มครองแรงงานคุณแม่จะสามารถลาคลอดได้ไม่เกิน 90 วัน โดยจะได้รับค่าจ้างตามปกติ 45 วัน แต่รายละเอียดยิบย่อยอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท ดังนั้นคุณแม่จึงควรศึกษาข้อกำหนดของบริษัทไว้ล่วงหน้า เมื่อใกล้ถึงเวลาคลอดจะได้ไม่มีปัญหา
5.มองหาพี่เลี้ยง
เนื่องจากคุณแม่ส่วนใหญ่ในยุคนี้ทำงานนอกบ้าน จึงไม่สามารถลางานนานๆ ได้ การมองหาพี่เลี้ยงที่มีคุณภาพเสียแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็น คงไม่ใช่ใครก็ได้ที่คุณแม่จะวางใจฝากดวงใจไว้ ควรหาคนที่มีความชำนาญ มีประสบการณ์ สะอาด ใจเย็น รอบคอบ และหากเป็นคนที่แนะนำกันมา ซึ่งเราสามารถค้นหาภูมิหลังได้ก็จะเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น
6. อุปกรณ์เจ้าตัวเล็ก
เจ้าตัวน้อยคงไม่สามารถใช้ของทุกอย่างร่วมกับพี่ๆ ได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องหาซื้อข้าวของเครื่องใช้มากมายกันยกใหญ่ เช่น อ่างอาบน้ำ โต๊ะแต่งตัวเด็ก เข็มกลัด ลูกยางดูดน้ำมูก ปรอทวัดอุณหภูมิ สำลี วิตามินชนิดหยด ของใช้สำหรับเด็ก เสื้อผ้า หมวก ถุงมือ ถุงเท้า ถุงนอน นอกจากนี้ยังมี ขวดนม หัวจุกนม แก้วตวงน้ำ แปรงล้างขวดนม หม้อนึ่งขวดนม และอื่นๆ แม้จะมีข้าวของมากมายที่ต้องซื้อ แต่เชื่อว่าคุณแม่คงตื่นเต้นและยินดีที่ได้เลือกของใช้ทุกชิ้นให้เจ้าตัวเล็ก
7.ชื่อเจ้าตัวน้อยกลอยใจ
ใครว่าชื่อนั้นไม่สำคัญยิ่งในยุคปัจจุบันด้วยแล้วเราจะพบว่าแต่ละครอบครัวประณีตและพิถีพิถันในการเลือกชื่อให้เจ้าตัวน้อย ไม่ว่าจะให้พระอาจารย์ตั้งให้เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล หรือผสมชื่อพ่อรวมกับชื่อแม่เพื่อสื่อถึงความรักของพ่อแม่ที่ผสมผสานรวมกัน หรือชื่อเหมือนดารานักร้องเผื่อให้เจ้าตัวน้อยมีหน้าตาที่น่ารักและมาพร้อมกับพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะชื่อจริง ชื่อเล่น ล้วนกลั่นกรองมาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นระยะเวลากว่า 9 เดือนนับจากนี้ จะเป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่จะ ร่วมกันสืบเสาะแสวงหา ชื่อที่ดีที่สุดสำหรับลูก เพื่อมอบเป็นของขวัญชิ้นล้ำค่า และเป็นสิริมงคลตลอดชั่วชีวิตของเขา
เคยคิดไหมว่าธรรมชาติช่างมหัศจรรย์ขนาดไหน โดยเฉพาะการให้กำเนิดเด็กคนหนึ่ง ที่จะต้องเติบโต อยู่ในพุงของผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า “แม่” ผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกอย่างไรนะเมื่อมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่ในตัวของเธอเพื่อรอวันที่ยิ่งใหญ่ และรอการต้อนรับจากครอบครัว
แหล่งที่มา www.pregnancysquare.com