กรมป่าไม้จับมือสหภาพยุโรปหารือส่งออกไม้ไทย

FLASH SALE
ฝากข่าว โดย :

กรมป่าไม้จับมือสหภาพยุโรปหารือส่งออกไม้ไทย

กรมป่าไม้มีภารกิจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ สงวน คุ้มครอง ฟื้นฟู ดูแลรักษา ส่งเสริมทำนุบำรุงป่า และการดำเนินการเกี่ยวกับการป่าไม้  การทำไม้  การเก็บหาของป่าการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าไม้ และการอื่นเกี่ยวกับป่า และอุตสาหกรรมป่าไม้  ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้วยกลยุทธ์การเสริมสร้างความร่วมมือของประชาชนเป็นหลัก  เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ  และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน  เพื่อให้การปฏิบัติงานของกรมป่าไม้เป็นไปตามกฎระเบียบสหภาพยุโรป  จึงได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง ” EU Timber Regulation-Impact and Strategies for Thai Timber Export to the EU”  ณ  ห้องกมลทิพย์ โรงแรมสยามซิตี้       ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ ในวันที่ 26 กรกฎาคม  2555

นายสุวิทย์  รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้ร่วมกับคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป จัดประชุมหารือ  สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับกฎระเบียบสหภาพยุโรปว่าด้วยไม้  ผลิตภัณฑ์ไม้  ผลกระทบรวมทั้งยุทธศาสตร์การส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ของไทยไปสหภาพยุโรป  เนื้อหาในการประชุมหารือในครั้งนี้  จะเน้นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (EU’s FLEGT) – ความท้าทายและโอกาสสำหรับไทย  และการเตรียมตัวสำหรับการเจรจาข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจในกรอบ  FLEGT (FLEGT VPAs)ในประเทศไทย  รวมถึงแนวทางปฏิบัติในอนาคต  การหารือในครั้งนี้จะมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป่าไม้ คณะกรรมการเจรจาการทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ ( VPAs) ในกรอบ   FLEGT  กรมการค้าระหว่างประเทศ กรมเจรจาการค้า กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์  กรมยุโรป  กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ  กรมสนธิสัญญาปละกฎหมาย  กระทรวงการต่างประเทศ สมาคมธุรกิจค้าไม้ สมาคมธุรกิจ             ไม้ยางพาราไทย หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย                         สำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ กรมป่าไม้มีความมุ่งหวังเพื่อให้ความรู้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  ทั้งทางภาครัฐและเอกชนของไทยเกี่ยวกับความคืบหน้าและสถานการณ์ล่าสุดของกฎระเบียบสหภาพยุโรปว่าด้วยผลิตภัณฑ์ไม้ (EU’s Timber Regulation) ซึ่งจะบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 เป็นต้นไป  และการบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าว  โดยเฉพาะกฎระเบียบย่อย Implementing Act  อีกทั้งเป็นเวทีให้ภาครัฐได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ และร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาให้ประสบความสำเร็จ  และลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต